วางแผนมรดก ส่งมอบความมั่งคั่งให้ลูกหลานได้สานต่อ
 
 
. “ขยันทำงานเก็บเงินมาทั้งชีวิต หวังว่าจะเก็บไว้ใช้หลังเกษียณและที่เหลือก็ส่งต่อไปยังลูกหลาน”
 
เป็นเรื่องปกติที่เราทุกคนรู้วันเกิดของตัวเอง แต่ไม่มีใครรู้ว่า เราจะจากโลกนี้ไปวันไหน คนส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้เตรียมตัววางแผน และปล่อยให้เวลาผ่านไปจนถึงวันที่ตัวเองเสียชีวิตลงและมรดกถูก แจกจ่ายไปยังทายาท ยิ่งมรดกมีมูลค่ามากก็จะยิ่งเกิดภาระทางภาษีแก่ ผู้รับมรดกมากขึ้นตามไปด้วย วันนี้คุณเตรียมแผนไว้ดีแค่ไหนแล้ว ในการรับมือกับภาษีมรดก
 
ลองทำตาม “4 ขั้นตอนวางแผนมรดก เพื่อลูกหลาน” ดังนี้
 
1 ทำบัญชีทรัพย์สินอยู่เสมอ
เพื่อให้ทราบถึงสถานะทางการเงินของตัวเราเองว่า มีทรัพย์สินอะไรบ้าง
เป็นมูลค่า เท่าไหร่ พร้อมทั้งวางแผนจัดสรรว่า ส่วนใดที่จะนำไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิตและส่วนใด
ที่จะต้องนำไปวางแผนมรดกเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลัง โดยทรัพย์สินที่จะต้องเสียภาษี มรดก
ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ หลักทรัพย์ตามกฎหมาย เงินฝาก และทรัพย์สินทางการเงิน
 

 

 

2 ศึกษากฎหมายภาษีมรดกและภาษีจากการให้

เพื่อวางแผนให้เกิดประโยชน์ในการให้มรดกอย่างสูงสุด โดยหลักเกณฑ์ในเบื้องต้น คือ

เกิดขึ้นเมื่อมีการเสียชีวิตของเจ้าของมรดกและส่งต่อทรัพย์สินไปตามพินัยกรรม ซึ่งทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมรดก
จะเสียเฉพาะส่วนเกิน 100 ล้านบาท ในอัตรา 10% เมื่อผู้รับมรดกเป็นบุคคลธรรมดา เช่น ผู้รับตามพินัยกรรม
หรืออัตรา 5% เมื่อผู้รับมรดกเป็นบุพการีหรือทายาท โดยถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้คำนวณจากราคาประเมิน
ส่วนหลักทรัพย์ให้คำนวณจากราคาปิดตลาด ณ วันโอน


เกิดขึ้นเมื่อของเจ้าของมรดกได้มอบทรัพย์สินในขณะที่มีชีวิตอยู่ให้กับทายาท ซึ่งการให้ดังกล่าว
แบ่งเป็นประเภทสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์โดยส่วนเกินของมูลค่าที่กฎหมายกำหนด จะต้องนำมาคำนวณภาษี


สังหาริมทรัพย์ :
ถ้ามอบให้บุคคลธรรมดา ส่วนเกินมูลค่าทรัพย์สิน 10 ล้านบาท จะเสียภาษี 5% แต่ถ้ามอบให้ทายาท ตามกฎหมาย ทายาทสนิท
หรือให้ด้วยความเสน่หา ส่วนเกินมูลค่าทรัพย์สิน 20 ล้านบาท จะเสียภาษี 5%


อสังหาริมทรัพย์ :
เฉพาะการมอบให้บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่รวม ถึงบุตรบุญธรรม จะเสียภาษี 5% ของส่วนเกิน มูลค่าทรัพย์สิน 20 ล้านบาท


 

วางแผนการมอบมรดก

โดยการทยอยส่งมอบทรัพย์สินในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมและไม่ทำให้เสียภาษีมากจนเกินไป
เช่น มีมรดก 40 ล้านบาทและทายาท 1 คน ก็สามารถทยอยมอบให้ปีละ 20 ล้านบาทจำนวน 2 ปี
ก็จะไม่เสียภาษีจากส่วนเกินมูลค่าทรัพย์สินที่จะให้เป็นมรดก ทั้งนี้ ในการวางแผนมรดกควรพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ
ไม่ควรให้มรดกชิ้นเดียวกัน กับทายาทหลายๆ คนเพราะอาจจะเกิดปัญหาระหว่างทายาทตามมาได้ รวมทั้งไม่ควรรีบ
มอบมรดกเพราะกลัวการจ่ายภาษีจนเราเกิดความลำบากเมื่อทรัพย์สินถูกแจกจ่ายไปแล้ว

 

 

4 เลือกส่งต่อมรดกเป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

หากมีมรดกจำนวนมากและไม่สามารถทยอยมอบให้ในเร็ววันได้ ก็ควรเปลี่ยนทรัพย์สินที่เสียภาษีมรดกเป็นทรัพย์สินที่ได้รับ สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การทำประกันชีวิตเพื่อรับสินไหมมรณกรรม โดยระบุผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์เป็นทายาทที่เรา ต้องการมอบทรัพย์สินก้อนสุดท้ายไว้ให้

อย่างไรก็ตาม เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีและเรียกเก็บภาษีให้ครบถ้วน พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม หากเราไม่เสีย ภาษีตามกำหนด อธิบดีกรมสรรพากรก็จะมีอำนาจสั่งยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์มรดกโดยไม่ต้องขอศาล ดังนั้น จึงควรวางแผนภาษีมรดกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและอย่าลืมว่า “หลีกเลี่ยงภาษีการรับมรดก ถือเป็นความผิดอาญา”

 

 

การวางแผนมรดกที่ดีควรเริ่มต้นจากการรู้สถานะทางการเงินของตัวเองด้วยการ
ทำบัญชีทรัพย์สินที่มีอย่างละเอียด การศึกษาข้อกฎหมายและวางแผนให้ส่งต่อมรดก
ไปยังทายาทโดยได้รับประโยชน์สูงสุดทางภาษีไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการทยอยให้
การเปลี่ยนทรัพย์สินที่เสียภาษีเป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
เช่น ประกันชีวิต ที่สำคัญคือ ควรพิจารณาความเหมาะสมในการมอบทรัพย์สินมรดก
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเองและทายาทตามมา

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้