4 วิธีเริ่มสร้างกำไรจากกองทุนรวม

959 จำนวนผู้เข้าชม  | 

4 วิธีเริ่มสร้างกำไรจากกองทุนรวม

วิธีที่ 1 ใช้กองทุนรวมเป็นที่พักเงินแทนบัญชีออมทรัพย์


เพื่อน ๆ ที่ยังฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ ลองพิจารณาขยับขยายเงินไปไว้ในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนพันธบัตรระยะสั้น และกองทุนรวมตลาดเงินกันไหมครับ เกณฑ์การเลือกกองทุน คือ ให้หากองทุนที่มีนโยบายรักษาเงินต้น โดยอาจให้ผลตอบแทนประมาณ 0.7-1.5% ต่อปี* มาพิจารณาเลือกกองทุน ซึ่งยังคงสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยประมาณ 0.5% ต่อปี รวมถึงพิจารณาในส่วนของสภาพคล่อง มีหลายกองทุนที่โอนเงินค่าขายหน่วยลงทุนในวันที่ T+1 คือ ขายกองทุนวันนี้ เงินเข้าบัญชีในวันรุ่งขึ้น ซึ่งนับว่ามีสภาพคล่องสูงทีเดียวครับ

*ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ที่มา บลจ. กรุงศรี
 
วิธีที่ 2 เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยกองทุนรวม


ข้อดีของกองทุนรวม คือ เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินทุนจำนวนไม่สูงนัก เช่น กองพักเงิน ที่ลงทุนในตราสารหนี้ หรือเงินฝาก เริ่มต้นที่ 1,000 บาท หรือจะเลือกลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป โดยผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์และความรู้ ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการกองทุน ทำให้เราสามารถลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป จากการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป มูลค่าการซื้อขั้นต่ำที่ 2,000 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้น จังหวะเวลาในการเข้าซื้อกองทุนและอัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลต่อกำไรที่เราจะได้รับเช่นกัน
 
วิธีที่ 3 ซื้อกองทุนรวมประเภทมีเงินปันผล


หลายๆ กองทุนเน้นนโยบายการจ่ายเงินปันผลโดยผลกำไรที่กองทุนทำได้ในระหว่างปีจะถูกจัดสรรและจ่ายคืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นอัตราร้อยละตามที่กำหนดไว้ในนโยบายกองทุน ในระหว่างการถือครองหน่วยลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผล รวมทั้งในกรณีที่ขายคืนหน่วยลงทุนจะได้กำไรจากส่วนต่างของมูลค่าหน่วยลงทุนหากหน่วยลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้น การคำนวณผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวมที่เน้นการจ่ายปันผล นอกจากจะพิจารณาถึงมูลค่าหน่วยลงทุนแล้ว ยังควรนำเงินปันผลที่ได้รับในระหว่างปีมาคำนวณด้วย กองทุนที่เน้นจ่ายปันผลเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบซื้อขาย ไม่อยากติดตามราคาขึ้นลงของหน่วยลงทุนมากนัก เพียงแค่ซื้อแล้วถือรับปันผลไปเรื่อย ๆ

อีกหนึ่งผลประโยชน์จากกองทุนรวม กำไรส่วนต่างที่ได้จากการขายกองทุนนั้นไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นส่วนของเงินปันผลที่ต้องเสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย 10%
 
วิธีที่ 4 รับประโยชน์ทางภาษีผ่านการลงทุนในกองทุน LTF/ RMF


สำหรับใครที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) เป็นการสร้างกำไรสองต่อ ต่อแรก คือ การนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีในปีที่มีการลงทุน ต่อที่สอง คือ ส่วนต่างของมูลค่าหน่วยลงทุนของราคาในวันที่ขายกับราคาซื้อ ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ทั้งกำไรและขาดทุน หากผู้ลงทุนต้องการรับผลประโยชน์ทางภาษี จะต้องทำตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสรรพากรในด้านระยะเวลาการถือครอง โดยกองทุน LTF นั้น ผู้ลงทุนจะไถ่ถอนได้เมื่อถือหน่วยลงทุนครบ 7 ปีปฏิทิน ส่วนกองทุน RMF จะไถ่ถอนได้เมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์และมีการลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนขายคืน
 
หลายคนอาจมีคำถามว่า แล้วจะซื้อกองทุนเมื่อไหร่ดี ในเมื่อราคาหน่วยลงทุนวิ่งขึ้นวิ่งลงทุกวันตามราคาในตลาดหุ้น หนึ่งในวิธีง่าย ๆ เพื่อการกระจายความเสี่ยง คือ แบ่งเงินลงทุน และซื้อหน่วยลงทุนทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน หรือที่เรียกว่า DCA (Dollar Cost Averaging) ด้วยวิธีนี้ เราจะได้ซื้อหน่วยลงทุนในราคากลาง ๆ ถึงจะไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ราคาที่แพงที่สุดเช่นกันครับ
 
หวังว่า 4 วิธีการสร้างประโยชน์จากกองทุนรวมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเพื่อน ๆ ที่เริ่มลงทุนในกองทุนรวมนะครับ หากต้องการขอรับหนังสือชี้ชวนและศึกษาเพิ่มเติมคลิกที่นี่ หรือติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรือโทร. 1572 กด 5 Krungsri Plan Your Money
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนตัดสินใจลงทุน

อ้างอิง : www.krungsri.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้